|
เห็ด (mushroom) เป็นกลุ่มของเชื้อราที่มีขนาดใหญ่ (macrofungi) ซึ่งในระยะหนึ่งของการเจริญของเชื้อรานี้จะสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่ เช่น ดอกเห็ด หรือ fruiting body ที่เราสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า โครงสร้างขนาดใหญ่นี้มีขนาดแตกต่างกันตามชนิดและสายพันธุ์ จึงสามารถใช้ลักษณะดังกล่าวประกอบการจัดจำแนกชนิดของเห็ดราได้ เห็ดเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีหลายเซลล์ (Eukaryote) เดิมเคยจัดอยู่อาณาจักรเดียวกับพืช แต่ปัจจุบันเป็น จัดอยู่ใน Kingdom Fungi ใน Phylum Basidiomycota เส้นใย จะเป็น septate hypha มีการสืบพันธุ์ แบบอาศัยเพศโดยการสร้างสปอร์แบบ basidiospore บน basidium เห็ดเป็นสิ่งมีชีวิตในกลุ่มจุลินทรีย์ที่ไม่มีคลอโรฟิลด์ มีการเจริญเป็นเส้นใยและสร้างสปอร์เพื่อการสืบพันธุ์ ราชอบเจริญบนซากพืชและสัตว์ ชอบอินทรียวัตถุสูง เป็นพวกที่ต้องการออกซิเจนมาก และอุณหภูมิปานกลาง ซึ่งโดยปกติจะประมาณ 25-40 องซาเซลเซียส และเจริญได้ดีในที่ที่มีความชื้นในดินสูงแต่ไม่ใช่บริเวณที่มีน้ำขัง |
รูปแสดงการเจริญของเห็ด
|
เห็ดมีทั้งประโยชน์และโทษต่อสิ่งมีชีวิตอื่น ในธรรมชาติเชื้อรามีบทบาทสำคัญในการย่อยสลายอินทรียวัตถุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการย่อยสลายซากพืช ซึ่งมีเซลลูโลส (cellulose) เป็นองค์ประกอบที่ย่อยสลายยาก ทำให้เกิดวงจรธาตุอาหารที่สมบูรณ์และเส้นใยของราที่แผ่ไปตามซากพืชและอนุภาพของดินทำให้เกิดการยึดเหนี่ยวของอนุภาคของดินเป็นโครงสร้างที่เหมาะสมต่อการเจริญของรากพืช นอกจากนี้เส้นใยของราก็เป็นอินทรีย์สารที่มีธาตุอาหารสมบูรณ์เมื่อเซลล์ตายก็จะเพิ่มอินทรียวัตถุในดิน กลายเป็นธาตุอาหารที่ดีสำหรับพืช และเป็นการเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน เห็ดชนิดที่จัดอยู่ในกลุ่ม mycorrhizal fungi มีประโยชน์ต่อพืชโดยอยู่ร่วมกับรากพืชในสภาพที่พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน (symbiosis) ราในกลุ่มนี้มีเส้นใยส่วนหนึ่งอยู่ในรากหรือแผ่อยู่รอบรากพืชและอีกส่วนหนึ่งของเส้นใยที่อยู่ในดินจะทำหน้าที่เหมือนรากพืช คือช่วยดูดธาตุอาหารของพืชในดินอย่างมีประสิทธิภาพสูงกว่ารากพืชปกติ เนื่องจากเส้นใยที่มีขนาดเล็กสามารถชอนไชไปในอนุภาคของดินจะช่วยดูดซับอาหารที่เคลื่อนที่ยาก เช่น ฟอสฟอรัส ให้แก่พืชอย่างเพียงพอ และยังทำหน้าที่ให้ความชุ่มชื่นแก่รากพืชได้ระดับหนึ่ง จึงทำให้พืชที่มี mycorrhizal fungi อาศัยอยู่ ทนแล้งได้ในธรรมชาติสามารถพบเห็ดราพวกนี้สร้างดอกเห็ดอยู่ใต้ต้นไม้ที่รานั้นอยู่ร่วมด้วย |
โครงสร้างของดอกเห็ด ประกอบด้วย
Cap หรือ หมวกเห็ด
Gills หรือ ริ้วที่อยู่ใต้หมวกเห็ด (เห็ดบางชนิดไม่มี gills แต่จะมี pores)
Stalk หรือ ส่วนของก้าน
ในเห็ดบางชนิดเราจะพบส่วนของ
Volva เป็นส่วนที่หุ้มตรงโคนต้น
Ring จะอยู่บริเวณของ stalk
Scale จะเป็นสะเก็ดอยู่บริเวณหมวกดอกของเห็ด
ถ้าพบ ring และ scale ส่วนใหญ่จะเป็นเห็ดพิษ
รูปแสดงโครงสร้างของเห็ด
|
เห็ดนอกจากจะเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญแล้ว ยังมีความสำคัญด้านแหล่งที่มีสารประกอบหลายชนิดที่ใช้เป็นยารักษาโรค เช่น ยาต้านไวรัส (anti-viral agent) ยารักษามะเร็ง (anti-cancer agent) ยาเพิ่มภูมิคุ้มกัน (immunopotentiating agent) ยาลดปริมาณโคเลสเตอรอลในหลอดเลือด (hypocholesterolaemic agent) และยาบำรุงตับ (hepatoprotective agent) สารที่มีคุณสมบัติดังกล่าวนี้ เรียกว่า สารสกัดจากเห็ดเพื่อสุขภาพ (mushroom nutriceutical) ซึ่งอาจเป็นสารประกอบที่สกัดได้จากเส้นใยเห็ด (mycelium) หรือ ดอกเห็ด (fruiting body) ที่มีคุณสมบัติทางยาและโภชนาการ |
เห็ดหลายชนิดยังเป็นสาเหตุของโรคพืช เช่น เชื้อราในวงศ์ xylariaceae บางชนิดได้แก่ Rosellinia sp. ที่สามารถย่อยเซลลูโลสและลิกนินซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของโครงสร้างของเซลล์พืชได้ดีและเป็นเชื้อสาเหตุสำคัญของโรคเน่าของพืชในเขตร้อน และหลายชนิดเป็นเห็ดที่มีพิษต่อมนุษย์เมื่อบริโภค ซึ่งเห็ดบางชนิดมีพิษร้ายแรงถึงตาย เช่น Amanita verna และ Amanita virosa ที่พบและเรียกชื่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยว่า เห็ดระโงกหิน ซึ่งดอกเห็ดมีสารพิษที่มีผลทำลายเซลล์ตับและทำให้ผู้บริโภคมีอาการปวดท้องและอาเจียน แต่เห็ดบางชนิดมีพิษเพียงทำให้เกิดอาการมึนเมาและอาเจียน เช่น เห็ดบางชนิดในสกุล Lepiota และเห็ดบางชนิดทำให้เกิดอาการประสาทหลอนถ้าบริโภคเพียงเล็กน้อย เช่น plilocybe cubensis ที่มักเจริญพบตามทุ่งหญ้า บนมูลสัตว์ ที่เรียกว่า เห็ดเมาหรือเห็ดขี้วัวขี้ควาย เป็นต้น